เที่ยงวันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว แดดร้อนระอุจ้าจัดจนแทบจะพาเอาน้ำทะเลระเหยกลายเป็นไอ ลมผ่าวพัดหอบเม็ดทรายปลิวคว้าง บนลานสนามริมหาดทรายโรงไฟฟ้าขนอมวันนั้น คลาคล่ำไปด้วยชาวบ้านและเด็กนักเรียนจากชุมชนรอบๆ
เนื่องในวันชุมชนสัมพันธ์ระหว่างโรงไฟฟ้ากับชาวบ้านย่านถิ่น เจ้าภาพโรงไฟฟ้า เลี้ยงดูปูเสื่อชาวบ้านด้วยโต๊ะจีนอย่างดี เพียบพร้อมด้วยอาหารและผลไม้ ขณะเดียวกันก็จัดกิจกรรมเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างโรงไฟฟ้ากับชุมชน
งานเด่นในปีนี้เป็นการทิ้งตู้คอนเทนเนอร์ลงสู่ทะเล เพื่อสร้างแนวปะการังเทียม ตู้คอนเทนเนอร์เหล็กหลากสีเรียงรายริมหาดราวอนุสาวรีย์แห่งมิตรภาพ เคลือบโดยภาพวิจิตรอันรังสรรค์จากฝีแปรงของเด็กๆลูกหลานชุมชนแถบนั้น บ้างก็วาดเป็นทะเล บ้างก็วาดภาพใต้น้ำ บ้างก็วาดปะการัง แต่สิ่งที่มีในภาพทุกภาพคือ โลมาสีชมพูอันเป็นสัญลักษณ์ของชุมชนย่านนี้
กิจกรรมเช่นนี้เสมือนว่าเคลือบด้วยน้ำตาลหวานอร่อย และเคล้าให้บุคคลจากโลกนอกเห็นภาพของความสุข แต่หากมองอีกมุมหนึ่งเราจะพบว่า รอยแผลที่โรงไฟฟ้าอุตสาหกรรมขนาดบิ๊กทิ้งไว้ให้ชุมชนคือวิถีชีวิตอันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สมาชิกคนหนึ่งของชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลบอกผมว่า อัตราการเป็นมะเร็งของชาวบ้านในชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างน่าตระหนก "คุณไปดูสิ ข้อมูลจากโรงพยาบาลมีเป็นกอง"
ปัญหาการตั้งอยู่ของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพื่อผลิตพลังงานจำหน่ายผู้บริโภคในเมืองอื่น เป็นเนื้องอกเรื้อรังในสังคมทุกยุคสมัย หลายต่อหลายครั้งที่ผู้รับสารอาจหน่ายกับข่าวการประท้วงร้องเรียนเรื่อยไปจนมองว่าเรื่องเหล่านี้คือผลประโยชน์อันไม่ลงตัว
"หาประโยชน์ใดไม่ไ่ด้เลย" สำเนียงทองแดงของสมาชิกท่านนั้นบอกกับผม เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่เขาได้รับจากการมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในชุมชน คำสั้นๆแบบฉบับปักษ์ใต้ที่ขยายความได้ชัดเจนนี้ ทำเอาผมขนลุก เราอาจไม่ได้เห็นภาพการประท้วงถึงเลือดเนื้อเช่นในแถบอื่น แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นผมเห็นความขุ่นใจแบบจางๆ
แม้ว่ามาตรฐานISO มาตรฐาน IEA หรือมาตรฐานใดๆ จะพยายามบ่งว่า แหล่งอุตสาหกรรมตัวนี้ ไม่ก่อมลพิษในระดับอันตราย (ก่อมลพิษ แต่ไม่มาก) แต่สิ่งที่ชาวบ้านได้รับกับ สิ่งที่ผู้บริโภคจริงใช้นั้นช่างต่างกันมาก
งานมวลชนสัมพันธ์คืองานยักษ์ที่โรงไฟฟ้าต้องรับผิดชอบ องค์ความรู้หลายหลากที่พวกเขานำมาแพร่ให้หมู่บ้าน ก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวนัก อย่างโครงการฟื้นฟูปะการัง โครงการธนาคารปูม้า ฯลฯ ซึ่งแม้จะทดแทนกับสิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ได้ แต่ก็ยังดีที่ได้เห็นภาพการทำอะไรบางอย่าง
หน้าที่ของโรงไฟฟ้าคือผลิตไฟฟ้าและสร้างเสถียรภาพความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าในประเทศ เมื่อใดที่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม ก็มักจะได้ยินข่าวความเดือดร้อนของชุมชนนั้นๆเสมอ (ต้องยอมรับว่าตอนนี้การสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ๆลดลง และบทบาทของพลังงานทดแทนกำลังมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยก็มีเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีของวงการพลังงานยุคใหม่) แต่กระนั้นก็ดี นั่นเพราะว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ (ความต้องการใช้ไฟฟ้าเขาพยากรณ์ไว้ล่วงหน้า โดยอิงจากอัตราเติบโตจากเศรษฐกิจหรือจีดีพี) ก็เลยต้องมีการจัดหาพลังงานมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย
แม้ว่าส่วนหนึ่งจะมาจากการซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน (ผลักภาระด้านมลพิษ) แต่ก็ยังมีไม่น้อยที่เราต้องผลิตเอง อย่างตอนนี้ที่ผมเห็นชัดๆคือโรงไฟฟ้าที่พระนครเหนือ ซึ่งกำลังสร้างกันอยู่ ผมเองก็อยากรู้ว่าการมีโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในเขตเมือง จะส่งผลกระทบอะไรบ้าง
ทั้งนี้ทั้งนั้น ขณะที่ผมกำลังพิมพ์บล็อกนี้ กระแสไฟฟ้าที่ผมใช้ อาจผลิตจากที่ริมทะเลแห่งนี้ก็ได้ แน่นอนว่าไอเสีย หรือมลพิษที่เกิดขึ้น ก็ส่งผลกระทบกัึบชาวบ้านแถบนี้ไปด้วยพร้อมๆกัน
นั่นแสดงว่าผมเองก็มีส่วนทำให้พวกเขาเป็นมะเร็งล่ะสิ!
นอกจากผมแล้ว ใครบ้างที่ทำให้พวกเขาเป็นมะเร็งกันอีก
ภาพจาก LC-A+KODAK E100VS EXPIRED
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น